พระราชบัญญัติงาช้าง พ.ศ. ๒๕๕๘
เพื่อให้เป็นไปตามกฏหมายดังกล่าว สมาชิกทุกท่านต้องอ่านทำความเข้าใจและปฏิบัติตามอย่างเคร่งคัด
เหรียญมหานิยม ห...
เหรียญมหานิยม หลวงปู่เม้า วัดสี่เหลี่ยม เนื้อนวะโลหะ หมายเลข ๔๓๗
********เหรียญมหนานิยมหลวงปู่เม้า เนื้อนวะโลหะ จำนวนการสร้าง 1,000 เหรียญ ปลุกเสก 10 ธันวาคม 2517 ออกให้ประชาชนบูชาปี 2518
********โลหะอีกชนิดหนึ่งที่วงการพระพูดถึงเสมอคือ นวโลหะ ตามสูตรโบราณ หมายถึงโลหะ ๙ ชนิดที่หลอมให้เป็นเนื้อเดียวกัน ประกอบด้วยโลหะ ๕ ชนิด เรียนว่าเบญจโลหะ ได้แก่ เหล็ก ปรอท ทองแดง เงิน ทองคำ (ทองเป็นเกล็ดหรือทองเป็นก้อนซึ่งเกิดขึ้นตามธรรมชาติ) ถ้าเพิ่มอีก ๒ ชนิด คือ เจ้าน้ำเงิน (แร่ผสมชนิดหนึ่งมีพลวงเป็นส่วนผสมหลักสีเขียวเป็นสีน้ำเงิน) และสังกะสี รวมเป็น ๗ ชนิด เรียกว่า สัตตโลหะ (สัตตะ=เจ็ด) และถ้าเพิ่มอีก๒ ชนิด คือ ชิน (โลหะผสมชนิดหนึ่งประกอบด้วยตะกั่วและดีบุก นิยมใช้ทำพระเครื่อง) และบริสุทธิ์ (คือทองแดงบริสุทธิ์) รวมเป็น ๙ ชนิด เรียกว่า นวโลหะ (นวะ=เก้า)

หลวงปู่เม้า พลวิริโย เป็นพระเกจิอีกรูปหนึ่งที่จัดอยู่ชั้นแนวหน้าของพระคณาจารย์ทั้งหลาย ของดีแต่ละชนิดที่ท่านสร้างขึ้นแจกจ่ายแก่ศิษยานุศิษย์ปรากฏคุณวิเศษนานาประการ จนเป็นที่นิยมแสวงหาของนัดสะสมพระเครื่องทั่วๆ ไป ท่านยังเป็นพระเถระที่สาธุชนทั่วไปเคารพบูชาเป็นอย่างยิ่ง ด้วยจริยวัตรที่หมดจดงดงาม ไม่บกพร่องด่างพร้อยแต่ประการใด อีกทั้งเป็นพระเถระที่มีความเชี่ยวชาญในวิทยาคมและเคร่งครัดในการวิปัสนากรรมฐานที่สูงยิ่งอีกรูปหนึ่ง นับว่าเป็นพระเถระที่มีอายุยืนและมีวาสนามากในยุคนั้น

หลวงปู่เม้า ท่านใด้ถือการธุดงควัตรเป็นนิจ ท่านได้ธุดงค์ในจังหวัดต่างๆ ในภาคอีสานเป็นเวลานานหลายปี ในขณะธุดงด์นั้นเล่า ท่านก็ได้ศึกษาพุทธาอาคมจากพระอาจารย์ต่างๆ มากมายหลายรูป อาทิเช่น พระอาจารย์นิล พระอาจารย์เพียร พระอาจารย์เสาร์ กันตสีลเถระ เป็นต้น โดยเฉพาะพระอาจารย์เสาร์ รูปนี้ท่านเป็นพระอาจารย์ของหลวงปู่มั่น ภูริทัตตะเถระ

สำหรับเหรียญรุ่นมหานิยมนี้ พระอธิการหลิ่ง เจ้าอาวาสวัดดอนไม้ไฟ ได้รับความเมตตาจากท่าน อนุญาตให้จัดสร้างขึ้น เพื่อหารายได้ไปสร้างเมรุเผาศพและถาวรวัตถุในวัดดอนต่อไป และมีการพุทธาภิเษก วันที่ 10 ธันวาคม 2517

รายละเอียดชนิดและจำนวนการสร้างมีดีงนี้
1.เนื้อทองคำ สร้าง 9 เหรียญ
2.เนื้อเงิน สร้าง 500 เหรียญ
3.เนื้อนวโลหะ สร้าง 1,000 เหรียญ
4.เนื้อทองแดง สร้าง 10,000 เหรียญ
5.เนื้อกระไหล่เงินหน้ากากทองแจกกรรมการ

หลวงปู่เม้า พลวิริโย นามเดิม เม้า สุราราช เกิดเมื่อวันขึ้น ๑๒ ค่ำ เดือน ๗ ปี ๒๔๑๗ เมื่ออายุได้ ๑๓ ปี ได้บรรชาเป็นเณร โดยมีพระอาจารย์นิล ชักชวนให้อุปสมบทเป็นเณร ณ วัดใหม่เรไรทอง ท่านได้ศึกษาอยู่จนอายุได้ ๒๐ ปี จึงอุปสมบทเป็นพระอยู่ที่วัดใหม่เรไรทองเช่นกัน เมื่อท่านอุปสมบทได้ ๕ พรรษาก็ได้ร่วมกับญาติโยมในถิ่นนั้นช่วยกันสร้างสาลาการเปรียญจนสำเร็จ ๑ หลัง จากนั้นก็ก็ย้ายจากวัดใหม่เรไรทองไปอยู่วัดบ้านถนนหัก และได้ศึกษาวิชาวิปัสนากรรมฐานอยู่กับพระอาจารย์เพียร ซึ่งเป็นพระอาจารย์ที่โด่งดังในยุคนั้น ระหว่างนั้นท่านก็ได้สร้างศาลาการเปรียญ ๑ หลัง กุฏิ ๑ หลังจนสำเร็จ หลังจากที่ท่านได้เรียนวิชาต่างๆ จากพระอุปัชฌาย์เพียร จนหมดสิ้นแล้ว ท่านก็ได้เดินทางไปศึกษาวิชาอยู่กับพระอาจารย์เสาร์ กันตสีลเถระ ที่วัดเลียบ จังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งขณะนั้นก็มีพระอาจารย์มั่น ภูริทัตตเถระร่วมศึกษาอยู่ด้วย ต่อมาท่านก็ได้รับการแต่งตั้งให้เป็ยเจ้าอาวาสวัดบ้านตะโก ท่านก็ได้พัฒนาวัดตะโกจนเป็นวัดที่ทันสมัยและเจริญรุ่งเรืองอย่างรวดเร็ว โดยสร้างพระอุโบสถ ๑ หลัง และสระน้ำใว้ในวัดเพื่อความสะดวกของพระภิกษุสามเณรและญาติโยมโดยทั่วไป เมื่อท่านเห็นว่าวัดตะโกนี้ก็มีความเจริญรุ่งเรืองดีแล้ว ท่านไม่ต้องการที่จะหาความสุขส่วนตัวอยู่ที่วัดนี้ ท่านจึงย้ายไปจากวัดบ้านตะโกไปเป็นเจ้าอาวาสที่วัดสังเวทวิริญาวาสและได้สร้างศาลาการเปรียญขึ้น ๑ หลัง พระอุโบสถ ๑ หลัง กุฏิ ๑ หลัง และยังแบ่งที่ดินในวัดให้สร้างโรงเรียนอีก ๔ ไร่ เพื่อที่จะใช้เป็นสถานที่ศึกษาเล่าเรียนของกุลบุตรกุลธิดาของญาติโยมในถิ่นนั้น หลังจากนั้นท่านจึงได้ย้ายไปเป็นเจ้าอาวาสอยู่ที่วัดบ้านหนองยายพิม ท่านก็ไม่เห็นแก่ความเหน็ดเหนื่อยและความสุขส่วนตัว ท่านยังได้ทุ่มเทกำลังกายสร้างกุฏิ ๑ หลัง ศาลาการเปรียญ ๑ หลังจนสำเร็จ หลังจากนั้นท่านจึงย้ายมาเป็นเจ้าอาวาสที่วัดหนองสี่เหลี่ยมในปัจจุบัน และท่านก็ได้เริ่มงานพัฒนาวัดสี่เหลี่ยมโดยการสร้างพระอุโบสถ ๑ หลัง แต่ยังไม่แล้วเสร็จสมบูรณ์ เพราะขาดทุนทรัพย์ในการก่อสร้าง หลวงปู่เองก็มีอายุ ๑๐๐ ปีแล้ว จึงอยากให้พระอุโบสถหลังนี้เสร็จโดยเร็ว หลวงปู่จึงดำริที่จะสร้างเหรียญรูปเหมือนของท่านขึ้นเป็นครั้งแรก เพื่อที่จะได้ให้ไว้เป็นเครื่องสักการะบูชายึดเหนี่ยวจิตใจ และคุ้มครองภัยตรายแก่บรรดาลูกศิษย์โดยทั่วกัน อีกทั้งจะได้นำทุนทรัพย์มาทำการบูรณะปฏิสังขรสร้างพระอุโบสถให้สำเร็จลุล่วงต่อไป

จะเห็นได้ว่าท่านเป็นพระเถระที่น่าเคารพบูชาเป็นอย่างยิ่ง นอกจากท่านจะบริหารงานในวัดต่างๆ ให้เจริญรุ่งเรืองแล้ว ท่านยังเป็นพระนักพัฒนา นักก่อสร้างที่มีฝีมือไม่น้อย ใช่แต่เท่านั้นท่านยังเป็นพระเคร่งวิปัสสนากัมมัฏฐานที่เชี่ยวชาญในไสยเวทย์สูงยิ่งอีกรูปหนึ่ง โดยเฉพาะตระกรุดที่ท่านได้สร้างขึ้นในโอกาสต่างๆ เป็นที่นิยมนับถือของมหาชนทั่วไปและน้ำมนต์ก็เป็นสิ่งที่บรรดาลูกศิษย์ปรารถนาเป็นอย่างยิ่ง และเชื่อกันว่าถ้าได้อาบน้ำมนต์ของหลวงปู่แล้วจะทำมาค้าขึ้น มีโชคลาภและปราศจากโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ และถ้าได้ดื่มน้ำมนต์ของหลวงปู่ติดต่อกันเจ็ดเสาร์จะไม่มีวันตายโหง โดยเฉพาะวิธีการเศกน้ำมนต์ของหลวงปู่ ท่านจะเศกน้ำมนต์เฉพาะวันเสาร์ ท่านจะเศกจนกระทั่งบาตรน้ำมนต์มีความเย็นมากจึงจะนำไปใช้ได้ จะเห็นได้ว่าพลังจิตของท่านนั้นนิ่งสงบและบริสุทธิ์จริงๆ
ผู้เข้าชม
1864 ครั้ง
ราคา
ขายแล้ว
สถานะ
ขายแล้ว
โดย
ชื่อร้าน
บารมีหลวงปู่เม้า
ร้านค้า
โทรศัพท์
ไอดีไลน์
tum_lawyer
บัญชีธนาคารยืนยันตัวตน
1. ธนาคารกสิกรไทย / 008-8-46367-6
2. ธนาคารทหารไทย / 513-2-27866-3

ผู้เข้าใช้งานล่าสุด
Kshopจิ๊บพุทธะมงคลเปียโนชาวานิชชา วานิชnengggg
เทพจิระChobdoysata Niti3303AmuletManหริด์ เก้าแสนปาล์ม บารมีเครื่องราง
บ้านพระสมเด็จเจริญ amuletบ้านพระหลักร้อยZomlazzaliเจริญสุขโกหมู
ep8600somphoptumlawyerกาตาร์ท่าน้ำวังjochoAchi
Erawanlhorsraluangนรินทร์นำเเสงภูมิ IRkuakranchathanumaan

ผู้เข้าชมขณะนี้ 1272 คน

เพิ่มข้อมูล

เหรียญมหานิยม หลวงปู่เม้า วัดสี่เหลี่ยม เนื้อนวะโลหะ หมายเลข ๔๓๗




  ส่งข้อความ



ชื่อพระเครื่อง
เหรียญมหานิยม หลวงปู่เม้า วัดสี่เหลี่ยม เนื้อนวะโลหะ หมายเลข ๔๓๗
รายละเอียด
********เหรียญมหนานิยมหลวงปู่เม้า เนื้อนวะโลหะ จำนวนการสร้าง 1,000 เหรียญ ปลุกเสก 10 ธันวาคม 2517 ออกให้ประชาชนบูชาปี 2518
********โลหะอีกชนิดหนึ่งที่วงการพระพูดถึงเสมอคือ นวโลหะ ตามสูตรโบราณ หมายถึงโลหะ ๙ ชนิดที่หลอมให้เป็นเนื้อเดียวกัน ประกอบด้วยโลหะ ๕ ชนิด เรียนว่าเบญจโลหะ ได้แก่ เหล็ก ปรอท ทองแดง เงิน ทองคำ (ทองเป็นเกล็ดหรือทองเป็นก้อนซึ่งเกิดขึ้นตามธรรมชาติ) ถ้าเพิ่มอีก ๒ ชนิด คือ เจ้าน้ำเงิน (แร่ผสมชนิดหนึ่งมีพลวงเป็นส่วนผสมหลักสีเขียวเป็นสีน้ำเงิน) และสังกะสี รวมเป็น ๗ ชนิด เรียกว่า สัตตโลหะ (สัตตะ=เจ็ด) และถ้าเพิ่มอีก๒ ชนิด คือ ชิน (โลหะผสมชนิดหนึ่งประกอบด้วยตะกั่วและดีบุก นิยมใช้ทำพระเครื่อง) และบริสุทธิ์ (คือทองแดงบริสุทธิ์) รวมเป็น ๙ ชนิด เรียกว่า นวโลหะ (นวะ=เก้า)

หลวงปู่เม้า พลวิริโย เป็นพระเกจิอีกรูปหนึ่งที่จัดอยู่ชั้นแนวหน้าของพระคณาจารย์ทั้งหลาย ของดีแต่ละชนิดที่ท่านสร้างขึ้นแจกจ่ายแก่ศิษยานุศิษย์ปรากฏคุณวิเศษนานาประการ จนเป็นที่นิยมแสวงหาของนัดสะสมพระเครื่องทั่วๆ ไป ท่านยังเป็นพระเถระที่สาธุชนทั่วไปเคารพบูชาเป็นอย่างยิ่ง ด้วยจริยวัตรที่หมดจดงดงาม ไม่บกพร่องด่างพร้อยแต่ประการใด อีกทั้งเป็นพระเถระที่มีความเชี่ยวชาญในวิทยาคมและเคร่งครัดในการวิปัสนากรรมฐานที่สูงยิ่งอีกรูปหนึ่ง นับว่าเป็นพระเถระที่มีอายุยืนและมีวาสนามากในยุคนั้น

หลวงปู่เม้า ท่านใด้ถือการธุดงควัตรเป็นนิจ ท่านได้ธุดงค์ในจังหวัดต่างๆ ในภาคอีสานเป็นเวลานานหลายปี ในขณะธุดงด์นั้นเล่า ท่านก็ได้ศึกษาพุทธาอาคมจากพระอาจารย์ต่างๆ มากมายหลายรูป อาทิเช่น พระอาจารย์นิล พระอาจารย์เพียร พระอาจารย์เสาร์ กันตสีลเถระ เป็นต้น โดยเฉพาะพระอาจารย์เสาร์ รูปนี้ท่านเป็นพระอาจารย์ของหลวงปู่มั่น ภูริทัตตะเถระ

สำหรับเหรียญรุ่นมหานิยมนี้ พระอธิการหลิ่ง เจ้าอาวาสวัดดอนไม้ไฟ ได้รับความเมตตาจากท่าน อนุญาตให้จัดสร้างขึ้น เพื่อหารายได้ไปสร้างเมรุเผาศพและถาวรวัตถุในวัดดอนต่อไป และมีการพุทธาภิเษก วันที่ 10 ธันวาคม 2517

รายละเอียดชนิดและจำนวนการสร้างมีดีงนี้
1.เนื้อทองคำ สร้าง 9 เหรียญ
2.เนื้อเงิน สร้าง 500 เหรียญ
3.เนื้อนวโลหะ สร้าง 1,000 เหรียญ
4.เนื้อทองแดง สร้าง 10,000 เหรียญ
5.เนื้อกระไหล่เงินหน้ากากทองแจกกรรมการ

หลวงปู่เม้า พลวิริโย นามเดิม เม้า สุราราช เกิดเมื่อวันขึ้น ๑๒ ค่ำ เดือน ๗ ปี ๒๔๑๗ เมื่ออายุได้ ๑๓ ปี ได้บรรชาเป็นเณร โดยมีพระอาจารย์นิล ชักชวนให้อุปสมบทเป็นเณร ณ วัดใหม่เรไรทอง ท่านได้ศึกษาอยู่จนอายุได้ ๒๐ ปี จึงอุปสมบทเป็นพระอยู่ที่วัดใหม่เรไรทองเช่นกัน เมื่อท่านอุปสมบทได้ ๕ พรรษาก็ได้ร่วมกับญาติโยมในถิ่นนั้นช่วยกันสร้างสาลาการเปรียญจนสำเร็จ ๑ หลัง จากนั้นก็ก็ย้ายจากวัดใหม่เรไรทองไปอยู่วัดบ้านถนนหัก และได้ศึกษาวิชาวิปัสนากรรมฐานอยู่กับพระอาจารย์เพียร ซึ่งเป็นพระอาจารย์ที่โด่งดังในยุคนั้น ระหว่างนั้นท่านก็ได้สร้างศาลาการเปรียญ ๑ หลัง กุฏิ ๑ หลังจนสำเร็จ หลังจากที่ท่านได้เรียนวิชาต่างๆ จากพระอุปัชฌาย์เพียร จนหมดสิ้นแล้ว ท่านก็ได้เดินทางไปศึกษาวิชาอยู่กับพระอาจารย์เสาร์ กันตสีลเถระ ที่วัดเลียบ จังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งขณะนั้นก็มีพระอาจารย์มั่น ภูริทัตตเถระร่วมศึกษาอยู่ด้วย ต่อมาท่านก็ได้รับการแต่งตั้งให้เป็ยเจ้าอาวาสวัดบ้านตะโก ท่านก็ได้พัฒนาวัดตะโกจนเป็นวัดที่ทันสมัยและเจริญรุ่งเรืองอย่างรวดเร็ว โดยสร้างพระอุโบสถ ๑ หลัง และสระน้ำใว้ในวัดเพื่อความสะดวกของพระภิกษุสามเณรและญาติโยมโดยทั่วไป เมื่อท่านเห็นว่าวัดตะโกนี้ก็มีความเจริญรุ่งเรืองดีแล้ว ท่านไม่ต้องการที่จะหาความสุขส่วนตัวอยู่ที่วัดนี้ ท่านจึงย้ายไปจากวัดบ้านตะโกไปเป็นเจ้าอาวาสที่วัดสังเวทวิริญาวาสและได้สร้างศาลาการเปรียญขึ้น ๑ หลัง พระอุโบสถ ๑ หลัง กุฏิ ๑ หลัง และยังแบ่งที่ดินในวัดให้สร้างโรงเรียนอีก ๔ ไร่ เพื่อที่จะใช้เป็นสถานที่ศึกษาเล่าเรียนของกุลบุตรกุลธิดาของญาติโยมในถิ่นนั้น หลังจากนั้นท่านจึงได้ย้ายไปเป็นเจ้าอาวาสอยู่ที่วัดบ้านหนองยายพิม ท่านก็ไม่เห็นแก่ความเหน็ดเหนื่อยและความสุขส่วนตัว ท่านยังได้ทุ่มเทกำลังกายสร้างกุฏิ ๑ หลัง ศาลาการเปรียญ ๑ หลังจนสำเร็จ หลังจากนั้นท่านจึงย้ายมาเป็นเจ้าอาวาสที่วัดหนองสี่เหลี่ยมในปัจจุบัน และท่านก็ได้เริ่มงานพัฒนาวัดสี่เหลี่ยมโดยการสร้างพระอุโบสถ ๑ หลัง แต่ยังไม่แล้วเสร็จสมบูรณ์ เพราะขาดทุนทรัพย์ในการก่อสร้าง หลวงปู่เองก็มีอายุ ๑๐๐ ปีแล้ว จึงอยากให้พระอุโบสถหลังนี้เสร็จโดยเร็ว หลวงปู่จึงดำริที่จะสร้างเหรียญรูปเหมือนของท่านขึ้นเป็นครั้งแรก เพื่อที่จะได้ให้ไว้เป็นเครื่องสักการะบูชายึดเหนี่ยวจิตใจ และคุ้มครองภัยตรายแก่บรรดาลูกศิษย์โดยทั่วกัน อีกทั้งจะได้นำทุนทรัพย์มาทำการบูรณะปฏิสังขรสร้างพระอุโบสถให้สำเร็จลุล่วงต่อไป

จะเห็นได้ว่าท่านเป็นพระเถระที่น่าเคารพบูชาเป็นอย่างยิ่ง นอกจากท่านจะบริหารงานในวัดต่างๆ ให้เจริญรุ่งเรืองแล้ว ท่านยังเป็นพระนักพัฒนา นักก่อสร้างที่มีฝีมือไม่น้อย ใช่แต่เท่านั้นท่านยังเป็นพระเคร่งวิปัสสนากัมมัฏฐานที่เชี่ยวชาญในไสยเวทย์สูงยิ่งอีกรูปหนึ่ง โดยเฉพาะตระกรุดที่ท่านได้สร้างขึ้นในโอกาสต่างๆ เป็นที่นิยมนับถือของมหาชนทั่วไปและน้ำมนต์ก็เป็นสิ่งที่บรรดาลูกศิษย์ปรารถนาเป็นอย่างยิ่ง และเชื่อกันว่าถ้าได้อาบน้ำมนต์ของหลวงปู่แล้วจะทำมาค้าขึ้น มีโชคลาภและปราศจากโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ และถ้าได้ดื่มน้ำมนต์ของหลวงปู่ติดต่อกันเจ็ดเสาร์จะไม่มีวันตายโหง โดยเฉพาะวิธีการเศกน้ำมนต์ของหลวงปู่ ท่านจะเศกน้ำมนต์เฉพาะวันเสาร์ ท่านจะเศกจนกระทั่งบาตรน้ำมนต์มีความเย็นมากจึงจะนำไปใช้ได้ จะเห็นได้ว่าพลังจิตของท่านนั้นนิ่งสงบและบริสุทธิ์จริงๆ
ราคาปัจจุบัน
ขายแล้ว
จำนวนผู้เข้าชม
1865 ครั้ง
สถานะ
ขายแล้ว
โดย
ชื่อร้าน
บารมีหลวงปู่เม้า
URL
เบอร์โทรศัพท์
0874413720
ID LINE
tum_lawyer
บัญชีธนาคารยืนยันตัวตน
3. ธนาคารกสิกรไทย / 008-8-46367-6
4. ธนาคารทหารไทย / 513-2-27866-3




กำลังโหลดข้อมูล

หน้าแรกลงพระฟรี